ภายในบ้านเช่าชั่วคราวแถวเขต 13 ของกรุงปารีส ในวันหยุดพักที่ไม่มีการแข่งขันทำให้นานๆ ทีสมาชิกได้มาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาซะที นอกจากการวางแผนงานตามปกติแล้ว ซึ่งที่ห้ามไม่ได้เด็ดขาดก็คือประเด็นว่าพวกเราอยากเห็นใครได้ชูโทรฟี่ในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้กัน

    แน่นอนสองสาวซึ่งพวกเราแทบทุกคนในแผนกต่างประเทศเรียกทั้งคู่ว่า ''เจ๊'' ต่างทุบโต๊ะด้วยแววตาเชื่อมั่นว่าฝรั่งเศสของพวกเขาจะทำได้ แม้กำแพงหินสูงที่สุดรออยู่รอบรองชนะเลิศ แต่ด้วยความที่เยอรมันขาดหลายตัวจนถึงฟอร์มที่กำลังพุ่งกระฉูดจึงทำให้ทั้งคู่อยู่ในสภาวะฮึกเหิม

    ''อย่างน้อยแพ้พวกเยอรมันก็ไม่น่าอาย'' มาเฟียรี่พูดไปยิ้มไป

    ''เศสมักแพ้ทางเบียร์ แต่คราวนี้จะลบล้างอาถรรพ์ได้สำเร็จ ขอแค่อย่ายืดต้องไปถึงขั้นดวลจุดโทษแล้วกัน'' โมนาลิซ่าสนับสนุนด้วยเหตุผลที่น่าคล้อยตาม

    ส่วนคนอื่นๆ นั้นก็มีชาติที่แอบเอาใจช่วยแตกต่างกันไป

    ลิตเติ้ลโจ หัวหน้าสาขาลอนดอนพูดแทรกกลางวงทำเอาทุกคนหัวเราะลั่น ''ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฝรั่งเศส ไม่งั้นเราต้องมีงานเพิ่มไปตามทำข่าววันแห่ถ้วยกันอีก''

    เออ เข้าท่าดีพี่โจ้

    ขณะที่สองตากล้องประจำทีมไอ้เบิร์ดกับไอ้เบียร์นั้นก็มาแนว ''อยากเก็บเอาไว้ทั้งสองคน'' โดยไอ้เบิร์ดขอโปรตุเกสหรือเยอรมัน (เหตุผลที่โปรตุเกสเพราะมันชอบโรนัลโด้) ทางไอ้เบียร์นั้นปรารถนาอยากเห็นเวลส์ชิงกับเยอรมัน (คนนี้เป็นเด็กหงส์เลยฝันที่จะได้ดู โจ อัลเลน ปะทะ เอ็มเร่ ชาน นัดชิง)

    หากที่มาต่างจากชาวบ้านที่สุดก็คือเปสเช่

    ''ยูโรหนนี้ของผมจบไปแล้ว ใครจะได้ก็ช่างงงง?''

    ใช่ พี่แกสายเลือดอิตาเลียนเต็มร่าง ดังนั้นพอพลพรรคอัซซูรี่กระเด็นตกรอบก็ไม่ต่างจากการแข่งขันในระบบลีกที่แต้มขาดลอย ต่อให้ชนะหมดในเกมที่เหลือก็ไล่จ่าฝูงไม่ทันยังไงยังงั้น

    จากอัตราต่อรองร้านพูลต่างๆ ก็ต่างยกให้เยอรมันกับฝรั่งเศสมีโอกาสคว้าแชมป์ใกล้เคียงกัน 7/4 (แทง 4 จ่าย 7 ไม่รวมทุน) รองลงมาก็โปรตุเกส 10/3 ตามด้วยเต็งโหล่ได้แก่เวลส์ 8/1 นอกจากนั้นลองย้อนกลับไปตอนวันก่อนรูดม่านเปิดฉากยูโร มีหลายโพลที่ให้แฟนได้มาโหวตกันว่าทีมใดที่พวกเขามองว่าน่าจะไปถึงเส้นชัย

    ใช่ครับ ทั้งหมดก็เป็นพวกชาติมหาอำนาจที่พวกเราก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน นอกจากอินทรีเหล็กกับตราไก่แล้วก็มี สเปน, อังกฤษ, อิตาลี จนไปถึงเบลเยียม

    ถึงกระนั้น ตามความเข้าใจส่วนตัวก็คงมีจำนวนไม่น้อยที่อยากเห็นปรากฏการณ์ลำแสงสีแดงพาดผ่านน่านฟ้าเหนือสต๊าด เดอ ฟร้องซ์...

    ก็ธรรมชาติของคนเราที่นิยมอยู่ข้างเดียวกับพวกมวยรอง ยิ่งกับอะไรก็ตามที่ไม่เคยทำได้มาก่อน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็ย่อมอยากเห็นให้มีการจารึกบันทึกบทใหม่ แน่ละความเป็นกองเชียร์ก็ย่อมมีทีมหรือชาติของตัวเอง แต่สมมติว่าใครที่เป็นสาวกสิงโตคำรามหรือกระทิงดุก็น่าจะหันมาส่งแรงช่วยให้เวลส์ทะยานไปถึงบัลลังก์เพราะมันคงเป็นความมหัศจรรย์ที่สุดอย่างหนึ่งของวงการกีฬาโลก

    ตอนเลสเตอร์ก็มีพลังลึกลับก่อตัวแบบสัมผัสได้

    ถามว่าทุกวันนี้เองก็ยังมีการเอาชื่อของสโมสรแชมเปี้ยนพรีเมียร์ลีกไปยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษาในหลายสถาบัน แม้แต่ไอซ์แลนด์เองก็เคยถูกเปรียบเทียบว่าอาจจะเป็น ''เลสเตอร์ในยูโร'' (ตอนนี้ต่อให้ตกไปแล้วก็ตาม) ในเคสเดียวกันนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าบรรดาขุนพลมังกรพ่นไฟก็กำลังมีคนวาดฝันว่าท้ายที่สุด แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ จะได้นำเพื่อนขึ้นไปรับเหรียญรางวัลพร้อมเขย่าถ้วยอองรี เดโลเนย์

    ''ขอต้อนรับบาจโจแห่งกรีซ'' เป็นคำพูดต้อนรับจาก จูเซ็ปเป้ กัซโซนี่ เจ้าของโบโลญญ่าตอนซิว ธีโอ ซาโกราคิส กัปตันทีมชาติกรีซชุดแชมป์ยูโร 2004 มาร่วมทีมสำเร็จ

    ตอนนั้นก็ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนหรอกว่าชาติเล็กๆ อย่างพวกเขาจะไปถึงดวงดาวได้ รอบแบ่งกลุ่มเบียดสเปนตกรอบด้วยประตูได้ที่ดีกว่า หากจากนั้นก็เขี่ยฝรั่งเศสกับสาธารณรัฐเช็กตกขอบก่อนไปอัดเจ้าภาพโปรตุเกสในนัดชิง

    ''มันคือสิ่งที่เซอร์ไพรส์ผม ไม่ใช่แค่โลกหรอก'' อ๊อตโต้ เรห์ฮาเก้ล โค้ชกรีซชุดนั้นกล่าวเอาไว้

    ย้อนไปไกลกว่านั้นก็เคยมีเทพนิยายเดนส์ถูกเขียนขึ้นมาปี 1992 จากทีมที่กระจัดกระจายแยกย้ายไปฮอลิเดย์หมดแล้วก็ถูกเรียกให้เข้าร่วมมหกรรมแทนยูโกสลาเวียที่โดนตัดสิทธิ์ อย่างไรก็ตามโคนมชุดนั้นซึ่งประกอบด้วยขุนพล อาทิ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, ไบรอัน เลาดรู๊ป หรือ เฟลมมิ่ง โพลเซ่น ก็ช็อกทุกสายตาเมื่อฝ่าฟันทีละด่านไปจนถึงตำแหน่งแชมป์

    หรือไม่ต้องเอาถึงขึ้นมีมงกุฎจากการประกวดก็ได้ อย่างกวาเดอลูปซึ่งก็ถือเป็นประเทศที่มีประชากรสูสีกับไอซ์แลนด์ อีกทั้งในเชิงลูกหนังนั้นพวกเขาไม่เคยมีพงศาวดารใดที่ทำให้ทุกคนรู้จักพวกเขาได้เลย นอกจากเป็นบ้านเกิดของ ลิลิยอง ตูราม กับ เธียร์รี่ อองรี หากในปี 2007 สามารถทะลุถึงรอบรองชนะเลิศคอนคาเคฟ โกลด์ คัพ

    ยิ่งกว่าถูกต้อง ฉะนั้นแล้วทำไมเวลส์ถึงจะทำไม่ได้บ้าง

    ประตูของฝรั่งเศสเปิดกว้างแน่ในฐานะเจ้าภาพ นอกจากนี้พวกเขาก็เคยได้แชมป์บอลโลกปี 1998 กับยูโรปี 1984 บนแผ่นดินตัวเองมาแล้ว พวกเขาก็ยังมียอดนักเตะ อาทิ ป็อกบา, กรีซมันน์ และปาเยต ส่วนเยอรมันก็ย่อมไม่มีใครสามารถมองข้ามได้ต่อให้สภาพทีมจะไม่สมบูรณ์ แต่ยี่ห้อเมด อิน ด๊อยท์ช ก็มีบารมีข่มได้ทุกทีม มีดาวบนอกข้างซ้ายถึงสี่ดวง ยังมีระบบทีมเวิร์กที่ถูกปลูกฝังเสมือนดีเอ็นเอฝังร่างผู้เล่นทุกคนอีกต่างหาก

    ''ผมบอกแล้วว่านี่ไม่ใช่เกมของผมกับโรนัลโด้ แต่เป็นเกมที่เวลส์เจอโปรตุเกส'' แกเร็ธ เบล พยายามลดกระแสที่ทุกคนจดจ้องมายังตัวเขากับเพื่อนร่วมทีมเรอัล มาดริด

    ตัวแปรของเกมสำคัญที่ลียงคืนนี้อาจจะไม่ใช่สองซูเปอร์สตาร์จากเบร์นาเบวเท่านั้น มันย่อมต้องลุ้นด้วยว่าเปเป้จะผ่านการทดสอบความฟิตมั้ย ฟันเฟืองอื่นๆ อาทิ นานี่,  เรนาโต้ ซานเชส จนถึง ชูเอา มาริโอ ส่วนทางมังกรแดงก็ต้องภาวนาให้แนวรับเล่นได้เหนียวแน่นเหมือนผ่านมา ฟอร์มของ โจ อัลเลน ต้องได้มาตรฐาน เพื่อทดแทนการที่ต้องขาด อารอน แรมซี่ย์ ไปตลอดยังแนวรุกหลัง ฮัล ร็อบสัน-คานู ทำให้ทุกคนต้องเอ่ยถึงตามริมฝีปาก

    หลายคนพยายามบอกว่านี่คือแมตช์แห่งชีวิตของเวลส์

    ก็ไม่ผิดครับ

    อย่าลืมว่ามันก็อาจจะเป็นเกมสำคัญที่สุดของนักเตะฝอยทองทุกคนก็ได้ เนื่องจากมันจะเป็นโอกาสทองที่ได้ไขว่คว้าเกียรติยศในเวทีระดับนานาชาติให้ประเทศตัวเอง

    แน่นอน มนุษย์อย่างโรนัลโด้ก็ย่อมอยากเห็นตัวเองได้ชูโทรฟี่ยุโรปเนื่องจากระดับสโมสรถือว่าได้มาครบเต็มอิ่มแล้ว

    ใครจะเป็นแชมป์??

    คำถามสุดฮิตที่ไม่มีวันตกยุค จะยังเป็นโลกที่สื่อสารด้วยจดหมายหรือเพียงปลายนิ้วสัมผัส จะเป็นสมัยที่อีเมลคือความก้าวล้ำหรือไลน์คือปัจจัยที่ห้า จะเป็นเพศหรือวัยใดก็ตาม

    จาก 24 เหลือ 4 โดยแต่ละคนย่อมมีทีมที่เอาใจช่วยหรืออยากเห็นไปให้ถึงเส้นชัย

    ใครคู่ควรจะเป็นแชมป์??

    เติมคำเพิ่มลงไปนิดเดียว มีมิติความหมายลึกซึ้งกว่าเดิมทันที

    ฉากจบคราวนี้จะลงเอยแบบที่คาดเดากันได้หรือว่าจะดราม่ากระชากอารมณ์หรือเปล่าเท่านั้น....