"ฝอยทอง" โปรตุเกส ประกาศศักดาเป็นเจ้ายุโรปสมัยแรก หลังใน90นาทียิงกันไม่ได้ แต่เป็น เอแดร์ ที่เป็นซูเปอร์ซับ ซัดประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ พาทีมดับ ฝรั่งเศส 1-0 เฮคว้าแชมป์ยูโร2016 ได้สำเร็จ

ฟุตบอลยูโร 2016 นัดชิงชนะเลิศ
    วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม 2559
    โปรตุเกส 0-0 ฝรั่งเศส

(ต่อเวลาพิเศษโปรตุเกสชนะ1-0)

สนาม: สต๊าด เดอ ฟร๊องซ์ (แซงต์-เดอนีส์, ปารีส, ฝรั่งเศส)

       ก่อนหน้าเกมนี้ทั้งสองทีมเจอกัน 10 ครั้งหลังสุดตั้งแต่ปี 1975 เป็นต้นมา ปรากฏว่าฝรั่งเศส คว้าชัยได้ตลอด โดยถ้าเป็นฝ่ายกำชัยได้อีก "ตราไก่" จะคว้าแชมป์ยุโรป 3 สมัยพร้อมก้าวขึ้นไปเป็นชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในรายการนี้ร่วมกับ เยอรมัน และ สเปน

       "ขุนพลจากแดนฝอยทอง" ทีมชาติโปรตุเกส ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นหนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของประเทศ หลังเคยเข้าชิงในยูโร 2004 ที่เป็นเจ้าภาพเอง แต่พลาดท่าแพ้ กรีซ 0-1 อย่างพลิกล็อก จากการพังประตูชัยของ อันเจลอส ชาริสเตอัส ในนาทีที่ 57 

       ผลงานของ โปรตุเกส ในศึกยูโรหนนี้ ผ่านรอบแรกด้วยการเสมอ 3 นัดรวด เสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1, เสมอ ออสเตรีย 0-0 และเสมอ ฮังการี 3-3 เข้ารอบในฐานะอันดับ 3 กลุ่มเอฟ

     ขณะที่รอบน็อกเอาท์ เสมอ โครเอเชีย ใน 90 นาที ก่อนเฉือน 1-0 ช่วงต่อเวลา เข้ามาเจอกับ โปแลนด์ ที่เสมอ 1-1 จนจบ 120 นาที ก่อนดวลเป้าชนะ 5-3 และรอบรองฯ ชนะ เวลส์ 2-0

      นัดนี้ โปรตุเกส ได้ตัว เปเป้ ปราการหลังตัวหลักหายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา กลับมาลงยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่ โชเซ่ ฟอนเต้ พร้อมได้ วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ มิดฟิลด์ตัวหลักพ้นโทษแบน 1 นัด กลับมาตัดเกมแดนกลาง 

      แผงมิดฟิลด์วาง เรนาโต้ ซานเชส ดาวรุ่งพุ่งแรงวัย 18 ปี ลงทำเกมร่วมกับ อาเดรียน ซิลวา และ ชูเอา มาริโอ คอยป้อนบอลให้กับคู่หน้าทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (กัปตันทีม) และ นานี่ ที่ทำไปแล้วคนละ 3 ประตู ในศึกยูโร ครั้งนี้ เข้าทำประตู 

      โดยรายของ เรนาโต้ ซานเชส กองกลางดาวรุ่งกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด ซึ่งได้ลงเล่นนัดชิงในรายการนี้คือแค่ 18 ปี 328 วัน ทำลายสถิติเดิมที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รุ่นพี่ในทีมชาติโปรตุเกสเคยทำไว้ในนัดชิงยูโร 2004 ด้วยอายุ 19 ปี 150 วัน 

      ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกสในเกมนี้ สร้างสถิติลงเล่นในศึกยูโร รอบสุดท้ายมากที่สุดต่อไป โดยเกมนี้จะเป็นนัดที่ 21 ของเขาแล้ว 

     ทางด้าน "เลส์ เบลอส์" ทีมชาติฝรั่งเศส ของ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เดินทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2016 หลังกำชัยเหนือ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1958 ด้วยสกอร์ 2-0 จากการเหมาคนเดียว 2 ประตูของ อ็องตวน กรีซมันน์

      แมตซ์นี้ให้ อูโก้ โยริส กัปตันทีมที่ฟอร์มเหนียวหนึบในรอบตัดเชือก ลงเฝ้าเสาตามปกติ โดยแดนกลางวาง ปอล ป็อกบา คุมเกมกับ แบลส มาตุยดี้ เปิดทางให้ มุสซ่า ซิสโซโก้, อ็องตวน กรีซมันน์ และ ดิมิทรี ปาเยต ร่วมกันสร้างเกมรุกสนับสนุน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เข้าทำประตู โดยรายของ กรีซมันน์, ดิมิทรี ปาเยต และ ชิรูด์ ยิงรวมกันไปแล้ว 12 ประตูในยูโร ครั้งนี้ 

      ช่วงก่อนเริ่มเกม ชาบี เอร์นานเดซ อดีตกองกลางทีมชาติสเปนชุดแชมป์ยูโร 2012 เป็นคนเชิญถ้วยแชมป์ยูโร เข้ามาในสนาม พร้อมกับมีการแสดงการบรรเลงเพลงของวงโยธวาทิต และแปรอักษร รวมถึงมีการร้องเพลงประจำยูโร 2016 ครั้งนี้ "This One's For You" ที่ได้ ดาวิด เกตตา ดีเจชื่อดังของฝรั่งเศส เป็นผู้แต่ง และมี ซาร่า ลาร์สสัน ป็อปสตาร์สาวแถวหน้าจากประเทศสวีเดนขับร้องอย่างไพเราะ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมในสนาม 

     ออกสตาร์ทครึ่งแรกท่ามกลางอุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส แดดแรงทีเดียว โดยเกมนี้มี ฟร็องซัวส์ ออลล็องด์ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส มาดูเกมในสนามด้วย 

     เริ่มเกมมาเป็น โปรตุเกส ได้โอกาสก่อน เซดริค โซอาเรส หยอดบอลขึ้นหน้าให้กับ นานี่ วอลเลย์ด้วยขวาในกรอบเขตโทษด้านขวาบอลข้ามคานไป 

     ผ่านมา 7 นาที ฝรั่งเศส ได้โอกาสครั้งแรก แบลส มาตุยดี้ โหม่งชงให้กับ อ็องตวน กรีซมันน์ ยิงด้วยซ้ายบอลหลุดเสาไป 

     นาทีต่อมา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ครองบอลแล้วโดน ดิมิทรี ปาเยต มาสกัดจนเจ็บเข่าซ้าย ต้องปฐมพยาบาลอยู่ครู่หนึ่ง 

     เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 10 เจ้าภาพได้ลุ้นอีกครั้ง ปาเยน วางบอลให้กับ กรีซมันน์ โขกกลางกรอบเขตโทษบอลย้อยๆ แต่ รุย ปาตริซิโอ นายทวารโปรตุเกส บินปัดข้ามคานไปได้ทัน 

     นาทีเดียวกันนั้น ฝรั่งเศส ได้ลุ้นอีก ปาเยต โยนลูกเตะมุมให้กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ โขกในกรอบเขตโทษไม่ผ่านมือของ รุย ปาตริซิโอ

     จากนั้นนาทีที่ 17 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมโปรตุเกส มีอาการบาดเจ็บเข่าซ้ายทรุดลงไปนั่ง ต้องปฐมพยาบาลกันครู่ใหญ่ ก่อนลงเล่นต่อไปได้ 

     โปรตุเกส มีโอกาสบ้าง อาเดรียน ซิลวา ได้ส่องด้วยขวาจากหน้าเขตโทษบอลหลุดกรอบไปในนาทีที่ 23 

     ถัดมาสองนาที โปรตุเกส ต้องเปลี่ยนเอา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เจ็บเข่าซ้ายจนต้องหามลงเปลออกจากสนามแล้วให้ ริคาร์โด้ กวาเรสม่า ลงมาเล่นแทน โดยโรนัลโด้ ถึงกับหลั่งน้ำตาที่ต้องพลาดโอกาสช่วยทีม ซึ่งปลอกแขนกัปตันทีมก็ให้ นานี่ ได้สวมนำทัพแทน

     ขยับมานาทีที่ 34 มุสซ่า ซิสโซโก้ ของฝรั่งเศส รับบอลจาก ปาเยต ก่อนยิงด้วยขวาในกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่ รุย ปาตริซิโอ นายด่านโปรตุเกส ปัดทิ้งได้อย่างยอดเยี่ยม 

     ท้ายครึ่งแรกนาที 39 โปรตุเกส ยังได้ลุ้น ชูเอา มาริโอ เปิดลูกเตะมุมเข้ามาให้ โชเซ่ ฟอนเต้ เทคตัวโขกเหินข้ามคานไป หมดครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

       กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลังได้ 9 นาที ตราไก่ โจมตีเข้าใส่ ปอล ป็อกบา ตะบันด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลข้ามคานไป 

       กระเถิบมานาทีที่ 58 ฝรั่งเศส ต้องเปลี่ยนเอา คิงสเล่ย์ โกมัน ลงมาเล่นแทน ดิมิทรี ปาเยต ที่โชว์ฟอร์มไม่ออก 

นาทีเดียวกันนั้น "เลส์ เบลอส์" ได้โอกาส เมื่อ คิงสเล่ย์ โกมัน ที่เพิ่งลงมาจ่ายให้กับ กรีซมันน์ ยิงด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษด้านซ้ายไปติดเซฟของ รุย ปาตริซิโอ นายทวารจอมหนึบของโปรตุเกส ฃ

      ล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 66 โปรตุเกส เปลี่ยนผู้เล่นคนที่สองให้ ชูเอา มูตินโญ่ เล่นกลางแทน อาเดรียน ซิลวา 

     ถัดมานาทีเดียว ตราไก่ ได้โอกาสจากจังหวะที่ กรีซมันน์ ไหลให้กับ คิงสเล่ย์ โกมัน กดด้วยขวาจากหน้าเขตโทษบอลหลุดเสาไป 

      ตราไก่ มาอีกครั้งในนาทีที่ 75 โกมัน ไหลให้กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยิงด้วยซ้ายจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่ไม่ผ่านมือของ รุย ปาตริซิโอ 

ฝรั่งเศส แก้เกมเปลี่ยนเอา อ็องเดร-ปิแอร์ ชีญัก ลงมาเล่นหน้าเป้าแทน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ในนาทีที่ 78 ส่วน โปรตุเกส เปลี่ยนคนสุดท้ายให้ เอแดร์ ลงมาเล่นแทน เรนาโต้ ซานเชส ในนาทีต่อมา 

      ท้ายเกมนาทีที่ 80 โปรตุเกส มีโอกาส เมื่อ ริคาร์โด้ กวาเรสม่า ที่ลงมาเป็นสำรองยิงด้วยขวา ทว่า อูโก้ โยริส นายทวารฝรั่งเศส ป้องกันไว้ได้สวย 

     สี่นาทีต่อมา ฝรั่งเศส ได้ลุ้นจากจังหวะที่ มุสซ่า ซิสโซโก้ ยิงด้วยขวาจากระยะ 25 หลา แต่ รุย ปาตริซิโอ นายทวารโปรตุเกส ป้องกันได้ 

     เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้อีก จบเกมเสมอ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที 

       ช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 95 โปรตุเกสได้ลุ้นจากลูกฟรีคิก ริคาร์โด้ กวาเรสม่า เปิดบอลโค้งเข้ากรอบเขตโทษ เปเป้ ได้โหม่งเต็มๆแต่บอลหลุดกรอบไปนิดเดียว

   ฝอยทองน่าได้ประตูสุดๆ นาทีที่ 103 ริคาร์โด้ กวาเรสม่า เปิดลูกเตะมุมจากทางฝั่งซ้ายเข้ามาในกรอบเขตโทษ เอแดร์ได้กระโดดโหม่งเต็มๆ แต่อูโก้ โยริส ปัดได้หวุดหวิด

     ยังเป็นโปรตุเกสที่ได้น้ำได้เนื้อหว่าในช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 108 ราฟาเอล เกร์เรยโร่ ปั่นฟรีคิกจากระยะประมาณ 25 หลา บอลพุ่งไปชนคานเต็มๆ

     แต่แล้วนาทีถัดมา โปรตุเกสก็มาได้ประตูออกนำ 1-0 จนได้ จากจังหวะที่เอแดร์ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรอง กระชากบอลมาคนเดียว จากนั้นกดด้วยขวาจากระยะกว่า 25 หลา บอลพุ่งแรงเสียบเสาแรกแบบสุดคม

     หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมโปรตุเกส คว่ำเจ้าภาพฝรั่งเศส 1-0 คว้าแชมป์ยูโร 2016 ไปครองอย่างชื่นมื่น โดยเป็นแชมป์หนแรกในรายการนี้ของทีมชาติโปรตุเกสด้วยเช่นกัน
    
    รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 

    โปรตุเกส: รุย ปาตริซิโอ - เซดริค โซอาเรส, เปเป้, โชเซ่ ฟอนเต้, ราฟาเอล เกอร์เรยโร่ - วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ - เรนาโต้ ซานเชส, อาเดรียน ซิลวา, ชูเอา มาริโอ - นานี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (กัปตันทีม)

     ฝรั่งเศส: อูโก้ โยริส (กัปตันทีม) - บาการี่ ซาญ่า,โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, ซามูแอล อูมติตี้, ปาทริซ เอวร่า - ปอล ป็อกบา, แบลส มาตุยดี้ - มุสซ่า ซิสโซโก้, อ็องตวน กรีซมันน์, ดิมิทรี ปาเยต - โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 

    ผู้ตัดสิน: มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก (อังกฤษ)