"สิงโตคำราม" อังกฤษ ไปไม่ถึงดวงดาวอีกครั้ง หลังพลิกล็อคพ่าย ไอซ์แลนด์ 1-2 ทำให้ ไอซ์แลนด์ ทะยานเข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรก พบกับ ฝรั่งเศส ในศึกยูโร2016 รอบ16ทีมสุดท้าย เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ฟุตบอลยูโร 2016 รอบ 16 ทีมสุดท้าย

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2559

อังกฤษ 1-2 ไอซ์แลนด์

สนาม : อัลลิอันซ์ ริเวียร่า (นีซ, ฝรั่งเศส)

       รอย ฮ็อดจ์สัน เทรนเนอร์ "ทรีไลออนส์" ผ่านเข้ารอบนี้ด้วยการเข้าป้ายเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม บี เกมนี้จัดชุดใหญ่ลงบู๊นำโดย เวย์น รูนี่ย์ กัปตันทีมคุมเกมแดนกลางร่วมกับ เดเล่ อัลลี่ ส่วนตัวตัดเกมเป็น เอริค ดายเออร์ สามประสานในแนวรุกวาง แฮร์รี่ เคน ยืนเป้า ริมเส้นเป็นหน้าที่ของ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำเกม

       ด้าน ไอซ์แลนด์ ภายใต้การนำทัพของกุนซือคู่ ลาร์ส ลาเกอร์บัค และ ไฮเมียร์ ฮัลล์กริมส์สัน ไม่ปรับทัพจากเกมที่แล้วเลย แดนหน้ายังคงเป็นหน้าที่ของ ยอน ดาดี้ บอดวาร์สสัน กับ โคลเบนน์ ซิกธอร์สสัน ริมเส้นจัด โยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สสัน ยืนด้านขวา ขณะที่ เบียร์เคียร์ บียาร์นาสัน ยืนด้านซ้าย แดนกลางเป็น แอรอน กุนนาร์สสัน และ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน คอนโทรลเกม

เริ่มครึ่งแรกได้เพียง 4 นาทีเท่านั้น อังกฤษ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าเขตโทษ ฮันเนส ฮัลล์ดอร์สสัน อ่านจังหวะพลาดรวบ สเตอร์ลิง ล้มลงผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที และเป็น เวย์น รูนี่ย์ รับหน้าที่ซัดเรียดด้วยขวาไปทางซ้ายมือของตัวเองตุงตาข่ายเด็ดขาด และเป็นประตูที่ 53 ของเจ้าตัวจากการลงเล่นให้ทีมชาติ 115 เกม

อังกฤษ ดีใจได้ไม่ถึง 2 นาที ก็โดน ไอซ์แลนด์ ตามตีเสมอ 1-1 เป็นจังหวะทุ่มไกล คารี่ อาร์นาสัน โขกเช็ดลึกไปเสาไกลให้ รักนาร์ ซิกูร์ดส์สัน ตวัดยิงด้วยขวาจ่อๆ 6 หลาผ่านตัว โจ ฮาร์ท ไม่เหลือ

      "สิงโตคำราม" หวิดได้เฮอีกครั้ง ในนาทีที่ 15 แผงหลัง ไอซ์แลนด์ เคลียร์ทิ้งไม่ขาดบอลลอยมาเข้าทาง เดเล่ อัลลี่ ที่รอเก็บตกนอกกรอบเขตโทษ ก่อนพักอกหนีตัวบล๊อคหนึ่งจังหวะแล้วซัดด้วยขวาติดไซด์ก้อยเฉียดคานไปนิดเดียว

แต่แล้ว ไอซ์แลนด์ ทำเอาแฟนบอลอังกฤษเงียบกริบเมื่อมาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 ในนาทีที่ 18 กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ครองบอลหน้ากรอบเขตโทษอังกฤษก่อนไหลสั้นๆให้ ยอน ดาดี้ บอดวาร์สสัน แตะต่อไปที่ โคลเบนน์ ซิกธอร์สสัน แตะหนี แกรี่ เคฮิลล์ ที่เข้ามาบล๊อค ก่อนสับไกด้วยขวาบอลพุ่งเรียด ผ่านมือ โจ ฮาร์ท ที่แม้จะปัดโดนแต่ลูกมีน้ำหนักพอที่จะซุกก้นตาข่าย

      อังกฤษ พยายามเร่งหวังทวงประตู และเกือบทำได้ในนาทีที่ 28 แดเนียล สเตอร์ริดจ์ หลุดไปถึงเส้นหลังฝั่งขวาก่อนหยอดไปเสาไกลให้ แฮร์รี่ เคน ปักหลักวอลเล่ย์ด้วยขวาเต็มข้อแต่ ฮันเนส ฮัลล์ดอร์สสัน ปัดทิ้งออกหลังไปได้หวุดหวิด จบครึ่งแรก อังกฤษ ตามหลัง ไอซ์แลนด์ 1-2

      กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งเวลาหลัง อังกฤษ ส่ง แจ็ค วิลเชียร์ ลงมาเล่นแทน เอริค ดายเออร์ 

      ทรี ไลอ้อนส์ มีโอกาสก่อนในนาทีที่ 50 เมื่อ แฮร์รี่ เคน โขกในกรอบเขตโทษแต่ไม่ผ่านมือของ ฮันเนส ธอร์ ฮัลล์ดอร์สสัน

      เจ็ดนาทีต่อมา ไอซ์แลนด์ ได้โอกาสบ้าง รักนาร์ ซิกูร์ดส์สัน ปราการหลังตีลังกายิงด้วยขวาในกรอบเขตโทษ แต่ไม่ผ่านมือของ โจ ฮาร์ท นายทวารอังกฤษ

หนึ่งชั่วโมงของเกม อังกฤษ เปลี่ยนเอา เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าตัวเก่งลงมาเล่นแทน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 

      นาทีต่อมา ทัพสิงโตคำราม ได้โอกาส แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ลากตัดจากขวาแล้วเปิดให้ เดเล่ อัลลี่ ฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาในกรอบเขตโทษบอลข้ามคานไปอีก 

      กระเถิบมานาทีที่ 69 อังกฤษ บดหนัก แจ็ค วิลเชียร์ ฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยซ้ายจากระยะ 30 หลา บอลหลุดกรอบไป 

      สามนาทีต่อมา ไอซ์แลนด์ โต้มาบ้าง บีร์เคียร์ เซวาร์สสัน ยิงด้วยซ้ายจากทางกรอบเขตโทษด้านขวาบอลข้ามคานไป 

ล่วงเลยมานาทีที่ 79 อังกฤษ ได้โอกาส แจ็ค วิลเชียร์ โยนให้กับ แฮร์รี่ เคน โหม่งในกรอบเขตโทษ แต่ไม่ผ่านมือของ ฮันเนส ธอร์ ฮัลล์ดอร์สสัน นายด่านไอซ์แลนด์ 

      ท้ายเกมนาทีที่ 84 ไอซ์แลนด์ น่าได้ประตูที่สาม เมื่อ อารอน กุนนาร์สสัน กัปตันทีมสอดขึ้นมาพาบอลเข้ากรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนล็อคหนี วิลเชียร์ แล้วยิงด้วยขวามุมแคบ แต่ โจ ฮาร์ท นายทวารอังกฤษ ปัดออกหลังไปได้ทัน 

     เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกม ไอซ์แลนด์ พลิกชนะไป 2-1 ทะยานเข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรก พบกับ ฝรั่งเศส ชาติเจ้าภาพ ที่สต๊าด เดอ ฟร๊องซ์ วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฏาคม นี้  

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

    อังกฤษ : โจ ฮาร์ท - ไคล์ วอล์คเกอร์, คริส สมอลลิ่ง, แกรี่ เคฮิลล์, แดนนี่ โรส - เอริก ดายเออร์ - เดเล่ อัลลี่, เวย์น รูนี่ย์, เอริค ดายเออร์ - แดเนียล สเตอร์ริดจ์, แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิง
    
    ไอซ์แลนด์ : ฮันเนส ฮัลล์ดอร์สสัน - เบียร์เคียร์ แซวาร์สสัน, คารี่ อาร์นาสัน, รักนาร์ ซิกูร์ดส์สัน, อารี่ สคูลาสัน - โยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สสัน, แอรอน กุนนาร์สสัน, กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน, เบียร์เคียร์ บียาร์นาสัน - ยอน ดาดี้ บอดวาร์สสัน, โคลเบนน์ ซิกธอร์สสัน 
    
    ผู้ตัดสิน : ดาเมียร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย)